วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562
พงศาวดารเหนือ เรื่อง พระบรมราชา
๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าธรรมไตรโลกเสวยราชสมบัติณเมืองสัชนาไลยราชธานี มีราชบุตรสามพระองค์ ๆ หนึ่งชื่อพระธรรมราชา พระองค์หนึ่งชื่อเจ้าบรมราชา พระองค์หนึ่งชื่อเจ้าราชาธิราช พระบิดาจะใคร่ให้พระธรรมราชาผู้เปนพี่เจ้าทั้งสองนั้นเปนพระยา แลพระองค์ก็รู้ว่ากระษัตริย์ลูกด้วยกัน อันเนื่องกันสืบ ๆ มาแต่โบราณ พระธรรมราชาแลพระบรมราชาต่างคนต่างสัญญากัน ยกพลโยธาแลจัดเครื่องบรรณาการไปถวาย ขอพระราชธิดาพระเจ้าสุวรรณราชณเมืองศรีอยุทธยา แลพระองค์จึงพระราชทานนางทั้งสองให้ธรรมไตรโลกแลนางกัลยาเทวีได้แก่พระ ธรรมราชา นางสุนันทาเทวีได้แก่พระบรมราชา แลกระษัตริย์ทั้งสองได้แล้วจะคืนไปเมืองมิได้ หลงด้วยรูปทรงนางทั้งสอง แลสมเด็จพระเจ้าสุวรรณราชาผู้เปนพ่อตา จึงให้บุตรทั้งสองให้ทำกำแพงคนละครึ่ง ทั้งหอรบทบทาท้าวให้มั่นคง อยู่เปนศุขในเรือนหลวงแห่งพระองค์เจ้า แลสมเด็จพระเจ้าสุวรรณราชาให้ก่อพระมหาธาตุสวมไม้ตะเคียนที่พระพุทธเจ้านั่ง แลสร้างอารามอุโบสถ ที่พระธรรมศาลา พระพุทธรูป พระปฏิมากร กุฎีสถานให้เปนทาน แล้วพระองค์เจ้ารักษาศีลเมตตาภาวนา พระชนมายุได้ ๙๘ ปี พระองค์ทิวงคตณวันพุฒเดือนหกแรมหกค่ำปีฉลูฉศก แลกระษัตริย์ทั้งสองพี่น้องคิดอ่านด้วยกันทำสการศพพระองค์แล้ว อำมาตย์ทั้งหลายจึงราชาภิเศกเจ้าธรรมราชาให้เปนพระยา จำเดิมแต่นั้นมาพระเจ้ากรุงจีนรู้ข่าวว่าพระเจ้าหลานได้เสวยราชสมบัติณเมือง ศรี อยุทธยา พระองค์ให้แต่งจีนคนหนึ่งมีกำลัง จะให้เข้าไปปล้ำพนันเมือง จึงให้จีนใช้สำเภาเข้ามาสู้ด้วยไทย สู้ไทยมิได้แลแพ้แล้วก็หนีไป แลภายน่าไปครั้นสิ้นบุญพระเจ้าธรรมราชาผู้พี่แล้ว อำมาตย์เสนาจึงราชาภิเศกพระบรมราชาเสวยราชสมบัติณเมืองศรีอยุทธยาราช ธานี แลอรรคมเหษีชื่อนางสุนันทราเทวี มีครรภ์พระราชบุตรคนหนึ่ง ครั้นถ้วนทศมาศจะประสูตรวันนั้นก็เปนอันมืดมนท์อนธการ แลจีนจามพราหมณ์นักเทศคุลาฝรั่งอังกฤษยี่ปุ่นวิลันดา ก็แต่งสำเภาเข้ามาค้าขายถึงนครศรีอยุทธยา ก็ถวายเครื่องราชบรรณาการแก่สมเด็จพระเจ้าบรมราชา ด้วยบุญญาธิการแห่งพระองค์ ๆ จึงให้พระนามแก่พระราชกุมารชื่อวรเชษฐกุมาร ครั้นพระชนม์ได้ ๑๖ ปี สมเด็จพระบรมราชามีพระไทยจะใคร่มอบสมบัติให้แก่เจ้าวรเชษฐกุมาร แลพระองค์จะใคร่ทรงผนวชในพระสาสนา หวังจะเอานฤพานเปนเบื้องน่าจึงมีพระโองการตรัสสั่งแก่เสนาอำมาตย์ ให้ส่งข่าวสาสนไปถึงพระยาญาติฝ่ายข้างเหนือข้างใต้ ให้รู้ว่าพระบรมราชาจะทรงผนวชบวชเปนบวรณพสาครแล้ว ครั้นวันพุฒเดือนหกขึ้นค่ำหนึ่งปีฉลูฉศก เสด็จไปจากพระนครด้วยพระยาวรเชษฐ ทั้งพระสนมชาวแม่ทั้งหลาย แลเสนามนตรี แห่ห้อมล้อมไปเปนบริวาร ไปถึงวัดสมโณโกฏิ มีพระสังฆราชาเปนอุปัชฌาย์ มหาเทพโมฬีเปนกรรมวาจา มหาธรรมไตรโลกวัดสุทธาเปนอนุสาวนะ ชุมนุมพระสงฆ์เจ้า ๑๐๐ พระองค์ นั่งหัตถบาศอุปสมบทเจ้าบรมราชาเปนภิกษุ แลพระสงฆเจ้าทั้งหลายก็จะออกบวชใหม่ โดยประมาณมากกว่า ๑๐๐ สมเด็จพระบรมราชาค่อยเจริญเมตตาภาวนาณะวัดสมโณโกฏิ แลพระมหาเทพโมฬีถวายอารามวัดสมโณโกฏิแก่พระองค์เจ้าแล้ว ก็ลาขึ้นมาอยู่ในอารามวัดป่าหลวงนอกเมืองชลอน ตราบเท่าสิ้นชนมายุพระองค์เจ้าในอาราม ที่นั้นแล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น