กาเผือก ฉบับเมืองหมอกใหม่ จ.ศ. ๑๒๐๑
วัดธงสัจจะ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
เส้นจาร อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยวน จำนวน ๑ ผูก ๒๕ หน้าลาน หน้าลานละ ๖ บรรทัด
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชัปนะ ปิ่นเงิน: ถ่ายถอดและอธิบายศัพท์
พัชราภรณ์ นักเทศน์: ภาพถ่ายดิจิตอล
[ปณามคาถา]
๏ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ
๏ สาธโว ดูราโสตุชนสัปปุริสะนักปราชญ์เจ้าทังหลาย ฝูงมีประยา ปัญญาวิสารทะ อันกล้าคมองอาจ จุ่ง ตั้งโสตาประสาทหูดาฟัง ยังวจนะคาถาคำจา แห่งสัพพัญญูพระพุทธเจ้า อันจักเทศนาแก้ไขกล่าวยังมูลเค้าเหง้าแห่งปฐมมูลสีสายประทีสตีนกา แต่ต้นเถิง ปลายหื้อเป็นนิยมนิยาย กับด้วยอันกดหมาย ยังนามกรชื่อแห่งพระเจ้าทัง ๕ พระองค์ อันเกิดร่วมท้องแม่เดียวมา จุ่งจักตั้งหน้าอยู่
ดาฟังเทอะ เพื่อนเหย ฯ
อถโข ภควา ราชยตเน วิหรติ ฯ ตปุสฺสภลฺลิโก กณฺอิฏฺพาณิโช พลิกสฺส เมน รฏฺํ อโหสิ ฯ
ในกาลนั้น ภควา อันว่าสัพพัญญูพระพุทธเจ้าเมื่อไปล่ เข้าสู่มหานิพพาน ยังสถิตสำราญอยู่เค้าไม้โพไทร ไทยเรากล่าวว่าไม้ม่วงแมงวันก็มีหั้นแล ฯ
ตสฺส ตปุสฺสภลฺลิโก อุพฺโภ มหาพานิโช รถปญฺจสตา ฯ ในกาลเมื่อนั้น ยังมีนายพ่อค้า ๒ คนพี่น้อง อยู่ในเมืองอันชื่อว่าอุตตรธัญญวตินครมหาราชธานี อันมีที่ใกล้ฝั่งน้ำมหาสมุทรสาคร ก็เอายังรถแลเกวียนมีประหมาน ๕๐๐ เล่ม ว่าจักไปขายข้าวสารในเมืองสุวัณณภูมิว่าอั้น ทัดที่หั้น ในเมืองอันนั้น พันข้าวต่อพันคำ เขาก็ ได้ยินคำมารอด ขา ๒ คนพี่น้อง ก็จิ่ง ชวนกันนำเอารถแลเกวียนไปด้วยลำดับหนทาง ด้วยวันแลคืนบ่ยั้ง ก็ซ้ำหล้งหลง หนทางเข้าไปสู่ป่าไม้ จิ่งไปจุจอดรอดเถิง ที่อันพระพุทธเจ้าอยู่กระทำเพียรสัตตสัตตาหะ ๗ ที่ ๗ แห่งพร้อมถ้วนบัวรมวรแล้ว ตปุสฺสภลฺลิโก เขา ๒ คนพี่น้องอันเทวดาป่าไม้ที่นั้นมาชักเชิญปกเติน บอกกล่าวว่า พระพุทธเจ้ากลั้นข้าว ได้ ๔๙ วันนี้แล้ว บ่ได้ฉันข้าว สูจุ่งแต่งยังข้าวน้ำโภชนะอาหารไปหื้อเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าเทอะ ฯ
ตปุสสภัลลิกะ ๒ คนพี่น้องได้ยิน ก็มีใจโสมนัสอภิรมย์ชมชื่นยินดี ก็พร้อมกันตกแต่งแรนดา เอายังข้าวมธุปายาส คือว่าข้าว ๔๙ ก้อน กับน้ำเผิ้ง แลน้ำอ้อย เอาไป หื้อเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าก็มีหั้นแล ฯ
ภควา อันว่าพระพุทธเจ้าก็จิ่งเอามือลูบสางเอายังเกสาธาตุหื้อแก่ขา ๒ คนพี่น้องแลคนแล ๔ เส้น รอมกัน ทังมวลเป็น ๘ เส้นหั้นแล ฯ
โส อุพฺโภ นายโก มหาพานิโช ฯ ส่วนอันว่าพ่อค้า ๒ คนพี่น้องก็มีใจปีติโสมนัสชมชื่นยินดีหาที่จักเปรียบเทียมเสมอบ่ได้ จิ่งจักยออัญชุลีนมัสการนบน้อมนมัสการไหว้เซิ่ง พระพุทธเจ้าว่า
ภนฺเต ภควา ข้าแด่สัพพัญญูพระพุทธเจ้า ส่วนอันว่าเกสาธาตุอันนี้จักหื้อผู้ข้าน้อยนำไปฐปนา ตั้งไว้ในฐานะทัดที่ทางใดเล่าชาอันเป็นที่ฐปนาไว้นั้น ฯ ภควา อันว่าสัพพัญญูพระพุทธเจ้าตนมีจักขุโสตาประสาททิพย์ ส่องหัน ภายหน้าแลภายหลัง ในอตีตะกำเนิดเมื่อก่อน จิ่งจักกล่าวว่า เทฺว กฏฺโ
พาณิโช ดูราพ่อค้า ๒ คนพี่น้อง สูทัง ๒ จุ่งจักเอาเกสาธาตุแห่งกูพระตถาคตไปฐปนาไว้ยังที่ใกล้แห่งเมืองสูพู้น ทัดที่ดอยชื่อว่าสิงคุตตระ หากเป็นฐานะที่อันพี่กู ๓ ตน คือว่า กกุสันทะ โกนาคมนะ
กัสสปะ อันล่วงล้ำแล้วเข้าสู่นิพพาน ตามคำปฏิญญาณตูพี่น้องทัง ๕ มีคำสัจจะว่าไว้แก่กันเมื่อเป็น
ลูกกาเผือก เกิดร่วมท้องแม่เดียวมาวันนั้น เมื่อจิ่งตั้งภัททกัปใหม่หัวที เมื่อก่อนวันนั้นแล เหตุดั่งอั้น
กูพระตถาคตจิ่งว่าหื้อสูทัง ๒ พี่น้องไปฐปนาในที่นั้นหั้นแล ส่วนว่าพระพุทธเจ้ากล่าวเท่านั้นแล้วก็อยู่ตุณหิภาวะ อันบ่ปากหั้นแล ฯ
ตปุสฺสภลฺลิโก ส่วนว่า ๒ คนพี่น้องได้ยินยังคำพระพุทธเจ้าปากเท่านั้นแล้วก็ยังบ่แจ้งแก่ใจ เขาจิ่งจักขอราธนา แห่งพระพุทธเจ้าว่า ภนฺเต ภควา ข้าแก่สัพพัญญูพระพุทธเจ้า จุ่งจกไขกล่าว
หื้อกว้าง ปางเมื่อเป็นลูกกาเผือกนั้นหื้อแจ้งแก่ผู้ข้าทังหลาย ขอพระพุทธเจ้าจุ่งแก้ไขเล่าแต่เค้าเถิงปลาย เพื่อว่าผู้ข้าทังหลายบ่แจ้ง ขอพระพุทธเจ้าจุ่งแสร้ง เทศนาไว้หื้อผู้ข้าไว้กล่าวเซิ่งคนทังหลายไปภายหน้านี้เทอะ ฯ
ภควา อันว่าสัพพัญญูพระพุทธเจ้าได้ยินยังคำตปุสสภัลลิกะพี่น้องหากโอกาสราธนา จิ่งมีวจนะคาถาว่า
ปุพฺเพปิ กาเล มหามรภทกปฺเป อติ โสตกกา ปญฺจโพธิสตฺโต เสสํ ทชาโต ปุตฺตา
มหาสมฺพุทฺโธ อวิทูรา อุทุมฺพรา รุกฺขสาขา อโหสิ ฯ
ตทา กาเล ในกาลเมื่อก่อนข้ามล่วงแล้วเสี้ยงจิรกาลนานนักวันนั้นจิ่งจักตั้งปฐมกัปใหม่หัวทีวันนั้น ยังมีแม่กาเผือกตัวนึ่ง มาแปลงรังอยู่เหนือค่าไม้เดื่อต้น ๑ อันมีในที่ใกล้ฝั่งน้ำแม่คงคา
ปญฺจสีเส ทชา ปุตฺตา เกิดมามีไข่ ๕ ลูก อยู่รักษาเฝ้าแหนชุวันเป็นนิรันตระบ่ขาดหั้นแล ฯ ตทา เมโฆ วาตา นิกนฺเต ในกาลนั้น ยังมีในวัน ๑ แม่กาเผือกตัวนั้นก็เป็นอันกลั้นอยากยังอาหารเป็นจิรกาลเมินนานนัก จิ่งจักละลูกไว้ในรังแลไปแอ่วจรเดินหากินเหยื่อแต่ที่ไกลไป่ทันมารอด ยามนั้น ห่าฝนชลธารากับลมหลวงอันใหญ่ก็เกิดมีมาพัดไม้เดื่อต้นนั้นท่าวตกไปในแม่น้ำสมุทรสาคร ก็กร้ำเกรือกเยือกตีฝั่งไหลหลั่งปั่นเคล้า ก็พัดถีบเอายังลูกกาเผือก ๕ แก่นนั้นไหลไปเชยเชียดพลัดคลาดคลาจากในรัง ไหลล่องไปยะย่องตามนที ฯ
[๑ กกุสันธะ]
ส่วนอันว่าไข่ลูกหัวทีก็ไหล ไปข้องค้างอยู่ด่านป่าที่ ๑ หั้นแล ฯ
กกุสนฺธตา ทิสฺวา เมื่อนั้น ยังมีแม่ไก่เผือกตัว ๑ อันเป็นพระญาแก่ไก่ทังหลายมวล ก็ชวนเอาหมู่ปริวารจรเดินหากินเหยื่ออาหาร เขาจิ่งมาหันยังไข่ลูกนั้นแล ก็มีใจมุทูกรุณา ลวดเก็บเอามาเลี้ยงไว้ด้วยไข่แห่งมัน เมินบ่นาน ก็แตกออกมาเป็นสัปปุริสภาวะคนชายผู้ ๑ หั้นแล แม่ไก่เผือกตัวนั้นก็มีใจโสมนัสชมชื่นยินดีปีติ ก็มารักษาเลี้ยงไว้ก็มีหั้นแล ฯ
[๒ โกนาคมนะ]
ทุติโย เส กาโก ส่วนอันว่าไข่ลูกถ้วน ๒ ก็ไหลไปข้างฝั่งเกาะทรายที่ ๑ โกนาคมนโคโน ยังมีแม่วัวตัว ๑ เป็นพระญาแก่วัวทังหลายมวล ก็มาหันไข่ลูกนั้น ปุนอินดูกรูณา ก็มีเมตตาไมตรีรักยิ่งกว่าลูกตน จิ่งจักเก็บเอามารักษาไว้ บ่เมินนานเท่าใด ก็แตกออกมาเป็นมนุษย์ชาติคนเราไป มีวัยงามล้วนถ้วนชุแห่ง ด้วยเตชบุญภายหลัง หากแต่งหื้อเป็นปุริสะลักขณะชุเยื่องชุประการ แม่วัวหันฉันนั้นก็มีใจชมชื่น มีใจมุทูกรูณา เหมือนบุตรลูกแห่งตนเกิดมา ก็จิ่งแสวงหาอาหารมาหื้อบ่ขาด บ่ประมาทสักยาม ตราบต่อเท้า อันใหญ่ถ้วน สูงมาก็มีวันนั้นแล ฯ
[๓ กัสสปะ]
ตติโย สสทชาโต อันว่าไข่กาเผือกลูกถ้วน ๓ นั้นเล่า ก็ไหลไปข้องค้างอยู่ที่ ๑ ใกล้แม่เต่าไข่ลูกไว้ กสฺสโป ในกาลนั้น ตัวแม่เต่ามาหัน มันก็มีใจชมชื่นยินดี ปีติโสมนัสบ่เสี้ยงบ่ช้า ก็จิ่งจักคาบเอามาไว้กับด้วยลูกไข่แห่งตนมัน บ่เมินนานเท่าใด ก็แตกออกมาเป็นลูกอ่อนน้อย มันก็รักคะค้อยสุดใจ หันมีลักขณะล้วนถ้วนควรดูดรดูงามก็มีหั้นแล ฯ
[๔ โคตมะ]
จตุกฺโก กาเสทชาตา ส่วนอันว่าไข่ลูกถ้วน ๔ นั้น ก็ไหลไปด้วยกระแสแม่น้ำมหาสมุทรคงคา ก็ไปติดค้างอยู่ริมใกล้ฝั่งแม่น้ำที่ ๑ อิตฺถิโย โคตโม นาม ทัดกาลยามนั้น ยังมีแม่ช่างซัก ก็ลงไปสู่แม่น้ำเพื่อจักซักครัวตนไว้หั้นแล มันก็เล็งหันไข่ลูกนั้นเป็นอันใหญ่นักแลขาวงาม ก็ควรงึด อัศจรรย์มากนักแล มันก็เก็บเอามาไว้ บ่เมินนานเท่าใด ก็แตกออกมาเป็นคนชายผู้ ๑ อ่อนน้อย มันก็รักคะค้อยสุดใจ ก็เอามาไว้เป็นลูกแห่งตนหั้นแล ฯ
[๕ เมตเตยยะ]
กาโก สงฺกาทชาโต ปญฺจโม อันว่าไข่กาเผือกลูกถ้วน ๕ นั้น ก็ไหลไปไต่ทางเทียวด้วยแม่น้ำสมุทรสาคร ก็จิ่งไปเกิ้ดค้างอยู่ ที่ ๑ ก็มีหั้นแล ฯ ตทา ทีฆมหาอริยสปฺโป ปนฺนส ทิสฺวา ยังมี
แม่งูหลวงตัว ๑ ก็จรเดินมาหันมัน ก็ยินอัศจรรย์มีมาก เหตุเป็นอาหารอยากมาหากิน พ้อย มีใจอันอ่อนมุทูกรูณา เหมือนเกิดมาแต่ท้องแห่งตน หันยังลูกไข่นั้น ก็จิ่งจักมาคาบอมเอาไปรักษาไว้ บ่เมินนานเท่าใด ก็แตกออกเป็นคนมา มีองค์ลักขณะงามล้วนถ้วนชุแห่ง เหมือนช่างต้องแต่งแปลงมา
มีหน้าตาอันบัวริสุทธิ์ หมดใส เป็นคนชายอันอ่อนมะมุร ขาวไส แม่งูรักเสมอใจใช่น้อย รักคะค้อย
ดั่งลูกน้อยแห่งตนก็มีแล แม่งูตัวนั้นก็แอ่วจรเดิน หาข้าวน้ำอาหารมาหื้อกินชุวันยาม ฯ
เป็นเพราะเตชผลเขาเจ้าแต่บุพชาติหลังเมื่อก่อนหยุดหย่อนไว้สักตน บัวรมวร ด้วยอายุสังขาร เกิดออกมาก็แม่นวันเดียวยามเดียวกันชุคน ก็ชูไปเกิดแลที่แลแห่ง ก็ด้วยเตชบุญหากแต่งหื้อรู้ยามวันเดียว เมินแลเชี่ยวได้ ๑๖ ขวบเขาทุกตนทุกคนก็มากราบไหว้แม่เลี้ยงเหง้าไธ้ไผมัน ตามความใฝ่มักว่าใคร่ไปอยู่ป่า สร้างประหนวด บวชเป็นฤษี จิ่งมีคำดีขอต่อจิ่ม แม่เลี้ยงเขาเจ้า ขออย่ามี
คำโศกเศร้าเป็นฉันใด ขอโชคชัยดีอันกว้าง ไปอยู่สร้างสมณธรรม จักกระทำเมตตาภาวนาในป่าไม้
ขอแม่แก้วแก่นไธ้จุ่งวางไป อันจักเป็นบุญภายหน้า ข้าลูกจักค่อยกระทำเพียรไปในกาลภายหน้า บ่ลิดม้าง หายเสีย ยังคนญิงชาย ใต้ฟ้า แม่นแม่กำพร้าตายไป แม่อย่าอาลัยหาทางลูกเต้า หื้อได้รีบเป็น
พระเจ้าโปรดโลกโลกาแลนาเหย ฯ
ตทา ในกาลยามนั้น อันว่าแม่เลี้ยงเขาเจ้าทัง ๕ พระองค์ อันทรงทุกข์มีมาก หากได้เลี้ยงไว้แต่หน้อย เมินนาน บ่ใคร่ขานวางยังลูกไปเสียที จักต้านถ้อยถือคำดีว่า อมฺม ปิยปุตฺตกา ว่าดูราเจ้าลูกรักสายใจแม่เหย จักไปเป็นฤษีอยู่ป่ากว้าง หากเป็นที่อยู่แห่งแรดช้างแลเสือหมี แม่ก็ยินขีใจ พ้นขนาด เท่าว่าหากเป็นคลองนักปราชญ์เจ้าทังหลาย ตนดีมีประยายิ่งกว่า หื้อได้พ้นเข้าสู่ฟากฟ้า
เนรัพพาน เท่าว่าแม่ขอหื้อได้คำปฏิญาณเซิ่งลูกเต้า อันแม่ได้เลี้ยงเจ้าเมินนาน เมื่อใดแลเจ้าได้
ตรัสประยา สัพพัญญูตญาณอันยิ่งโยด ชินานามโคตรแห่งแม่ก็อย่าได้กลับหาย คำปฏิญาณหมายมั่น อันนี้แม่กล่าวไว้ภายหน้า ลูกหล้าแม่อย่าหื้อหายเสียแลนา ขอสัญญาเจ้าลูก จุ่งรับเอายังคำวระสวัสดีจิ่มแม่ ข้าจิ่งจักหื้ออนุญาตจิ่มลูกเต้าวางไป ตัดอาลัยรักลูก เป็นคลองถูกบัวราณ แลนา ฯ
ตทา ในกาลภายหน้านั้น กุมารเจ้าทัง ๕ ตน ต่างตนก็ต่างไหว้แม่ แม่ลาไป เข้าสู่ดงไพรป่าไม้ เทียวแอ่วล่าจรเดิน หายังผาลา เป็นลูกไม้ เอามากินสืบชีวิต ไว้เป็นอาหาร มีอาการสมภาร ปฏิบัติยังพรหมวิหาร หากเป็นไปในดงไพรป่าไม้ อันมั่นไปด้วยกสิณกรรม ปฏิปทาไปบ่หื้อขาด ทรงผ้าย้อมฝาดเป็นฤษี มีใจหนีจากกิเลสแลบาปธรรม บ่หื้อนำตนตัวเข้าใกล้ บ่นานเท่าใด เขาทัง ๕ เป็นลูก
กาเผือกดั่งกัน ดั่งพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง หากบอกกว่าไขสารทุกประการทังมวล ตรัสแจ้งยิ่งทุกประการแล้ว เขาเจ้าพี่น้องทัง ๕ ตน ก็มีใจยินดีโสมนัสบ่เสี้ยงบ่ซ้ำก็มีหั้นแล เขาเจ้าทังหลายจิ่งเจียรจา พิจารณาดูก็รู้ว่า เจ้าตนอยู่ภายหัว นำเป็นพี่อ้ายแห่งเราทังหลายมวล ถัดนั้นลำดับกันลงมา อันได้ออกพ้นนำตนอยู่หล้า นำ ถูกเป็นน้องหลายน้องซ้อย อันเกิดเมื่อภายลุน กล่าวด้วยบุญแลบุญหากแต่งแปลงหื้อเขาเจ้า จิ่งเรียกร้องกันตามชื่อว่าเป็นพี่น้อง อันเกิดร่วมท้องแม่ดองมา จิ่งจักวันทาครบยำ กัน
นบน้อมไหว้ เขาเจ้าพี่น้องจิ่งจักคระนิงใจ ได้ว่า ใคร่หันหน้าแม่แก้วแก่นไธ้แห่งเราแท้แลนา พอหื้อเราได้โถมนาคุณ พอหื้อเป็นบุญแก่เราภายหน้า บัดนี้แม่แก้วกำพร้าแห่งเรา ไปอยู่ขอกฟ้าทัดที่แดนใด
นั้นชา รู้ว่าตายเสียปุตตาลูกแก้ว ตายเสียแล้วว่ายังมี ไผก็บ่กว่าหื้อเราได้รู้ บัดนี้มาเราพี่น้องจักกว่าหา ชื่อแม่หน่อแก้วมาดา ตามสัทธาเจตนาแห่งเราไส้ อ้างด้วยสัจกิริยาอันมั่น หื้อสนั่นเถิงภวัคคพรหมพ้นเทอะ เขาเจ้าทังหลายจากันฉันนี้แล้ว ก็จิ่งกล่าวนบน้อมแปลงใจไผใจมัน เที่ยต้านสัจจะคำจา ปรารถนาเขาเจ้าหากเหมือนกันชุตนว่าดั่งนี้ คำอันนี้กูแลออกบวชเป็นฤษี จำเริญกสิณกรรมภาวนาปฏิบัติบ่ขาด บ่ประมาทสักวันยาม ขอหื้อได้เถิงสัพพัญญุตญาณดวงประเสริฐ ในกาลภายหน้าแล
จักบัวรมวรแท้ ดั่งคำปรารถนาแห่งข้า มั่นเที่ยงแท้ดั่งอั้น บ่คลาดบ่คลา มีสภาวะสิ้น จุ่งหื้อแม่กาเผือก มาปรากฏซองหน้า ในกาลบัดเดียวยามเดียวนี้เทอะ ว่าอั้นแล้วต่างตนต่างสัจจะอธิฏฐาน คำเขาเจ้าก็เหมือนกัน เกิดตามบุญสมภารแห่งเขาเจ้าชุตนก็มีหั้นแล ฯ
ตทา เสตกาโก อนุปุพฺเพ มรณํ คนฺตฺวา สุคติ พฺรหฺมโลเก ภวิสฺสนฺติ ฯ
ตทา ในกาลยามนั้น อันว่าสิ่งศาสตร์ปรารถนากิริยาเขาเจ้าพี่น้องทัง ๕ ตนเป็นอาสนกรรม อันมั่นเที่ยงบ่เบี่ยงช้าย บ่พลัดพรากหวั่นไหวสักเยื่อสักประการ สทฺทํ สุตฺวา พฺรหฺมโลเก อโลกเหสุ อันว่าเสียงสัจจกิริยาเขาเจ้าพี่น้องก็สนั่นขึ้นไปเถิงพรหมโลกพ้นก็มีวันนั้นแล ฯ
ภาพกาเผือกกับลูกทั้ง ๕: วัดป่าทุ่งกุลาเฉลิมราช “พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ กับ โพธิญาณแห่งการตื่นรู้
[แม่กาเผือก]
ตํ สุตฺวา โปราณกาโก มาตรํ สทฺทํ สุตฺวา ฯ ส่วนอันว่าแม่กาเผือก ตัวอันมีปีกขาวใสงามล้วนถ้วนแต่บุพชาติหลัง ยามเมื่อเป็นลูกกาเผือก แลไปหากินเหนื่อยแล้วพิกมาหาลูก บ่หันยังที่เค้าต้นไม้เล่าก็บ่หันไหน มีหัวใจโศกเศร้า แสวงหาลูกเต้าปุตตา ตามภาษาอันเป็นลูกกาเผือก บินแอ่วเลิก ทวยหาในหินผาชุก้อน เยียวลูกน้อยข้อนกันอยู่ในวัง ก็ผ้งไปรอดถ้านพอหอดหิวตาย ปุนเสียดายลูกกูแท้หนอ เจ้าทัง ๕ แม่ก็บ่หันไหน ลมพัดใส่ไปตกน้ำก็บ่หัน ซ้ำลูกแก้วแม่ตายแล้วอั้นชะฤๅ ฯ
ปญฺจปิยปุตฺตกา ดูราเจ้าลูกรักแก่แม่เอ่ อันว่าเจ้าทัง ๕ พระองค์ไปตกหลงทัดที่ทางใดเล่าชาหนอ อันกูแม่ทรงคัพภะอยู่ในท้อง ยังบ่หื้อกีดข้องเป็นฉันใด พ้นท้องออกมาพ้อยมีภัยอันใหญ่กว้างหนักหนา แม่แอ่วทวยหา จอดเสี้ยงทุกแห่งแดนไกล บัดนี้สูเจ้าตกไปสู่เขตประเทศทัดที่ทางใดเล่าชาหนอ โอยหนอทุกข์แท้นอ มรณํ คันว่าบ่หันสูเจ้าทัง ๕ แม่ก็จักคว่ำหน้าสู่มรณา อันว่าความตายก็นำมาใกล้ เพื่อว่าบ่ได้หันหน้าลูกหน่อไธ้ ขอหื้อเทวดาอารักษ์เจ้าทังหลายนำมารอด หื้อได้หันลูกแก้วยอดปุตตา บ่อั้นปลาแลเต่าในห้องประเทศท้องวิมานคำปราสาทที่นั้น อายุแห่งหั้นยืนแท้ดีหลี ว่าได้หมื่นปลาย ๒ พันปีมหากัปนับเที่ยง จิ่งซ้ำเสี้ยงลงมาตาม อันจิตเจตนารักลูกเต้า เพื่อว่าเป็นหน่อโพธิญาณเจ้าแต่ใดมา นาบุญหลายค้ำชูช่วย บ่ตกถอยเป็นดี จิ่งได้ชื่อว่าฆติกามหาพรหม ล้ำเลิศ
อันเอาเครื่องอัตถปริกขาร อันเกิดออกมาในดอกบัวทัง ๕ ไว้ทานลูกกำพร้า เมื่อได้เป็นพระสัพพัญญู
ก็มีวันนั้นแล ฯ
ดูราโสตุชนสัปปุริสะนักปราชญ์ทังหลาย นิยายธรรมคำบ่เสี้ยงบ่ซ้ำบ่ถ้อง แห่งห้องโพธิสัตวเจ้าทัง ๕ ตนพี่น้อง อันเกิดร่วมท้องแม่เดียวมา ปางเมื่อได้เป็นลูกกาเผือก แต่เมื่อปฐมหัวที มูล มันมีดั่งนี้แล ส่วนอันว่าเขาเจ้าพี่น้องทัง ๕ คำปรารถนามีบ่แล้ว มักใคร่หันหน้าแม่แก้วมาดาแห่งเขาเจ้า
ทังหลายมวล คระนิงคึดร่ำเพิง หากพร้อมกันเป็นใจเดียวด้วยสัจจะเขานั้นอยู่ไจ้ ๆ เพื่อว่าจักใคร่ตอบบุญ หื้อได้โถมนาคุณ เป็นด้วยเตชะบุญอานุภาพ ยามนั้นฆติกามหาพรหม ก็ขวาดรู้ ในใจ จิ่งจักเนรมิตเป็นสุวัณณราชกาใหญ่ ตัวมีปีกหางล้วนถ้วนขาวงาม ยามเดียวก็ลงมาปรากฏ อยู่ทัดซองหน้า ที่อันเจ้าฤษีทัง ๕ พระองค์ อันทรงศีลบัวริสุทธิ์ขาวงามบ่เศร้า เขาเจ้าจิ่งจักปากต้านเจียรจาปราศัยเซิ่งแม่ว่า อมฺม ปิยปุตฺตา ดูราแม่กาตัวมีปีกหางขาวงาม มาปรากฏทัดส่องหน้า บ่ว่าเป็นทังแม่กำพร้า ตูข้าทังหลายอันพลัดพรากหายไปนั้นชะฤๅ อันแม่เลี้ยงลูกทัง ๕ ได้เลี้ยงไว้ในรัง ลมมาพัดลุนหลัง แม่ไปหากินเหยื่อบ่ทันมา ตกน้ำแม่ไหลล่อง บ่รู้ที่จักปองทางได้ ตูข้าก็ได้พลัดแม่ไปเสีย ยามนั้นอันแม่นแท้
อั้นชะฤๅ ฯ
เอโก เสตกาโก ฯ ในกาลนั้น อันว่ากาตัวเป็นแม่นั้น ก็ได้ยินยังคำปุจฉาถามมาดา แห่งลูกเต้าไขแต่เค้าเล่าคำมา จิ่งจักต้านถ้อยตอบคำดีว่า ปิยปุตฺตกา ดูราเจ้าลูกรักทัง ๕ อันว่าข้านี้ก็หากเป็นแม่แต่ใดมา ข้านี้ก็เป็นแม่มาดาแห่งสูเจ้า แม่ก็ได้ยินคำลูกเต้ากล่าวคลองหัน จิ่งจักพลันฉันรีบ คลาดคลาจากปราสาททิพยวิมานคำ กระทำเนรมิตตนตัวหื้อเหมือน ขณะยามเมื่อยังเป็นแม่สูเจ้า ก็เสด็จเข้าไปสู่ที่อยู่สูเจ้าทัง ๕ พระองค์คำ เป็นแต่บุญจำนำมารอดลูกแก้ว ยอดสายใจนี้แลนา ฯ
ตาต ปญฺจปิยปุตฺตา ดูราเจ้าลูกรักแก่แม่เหย อันว่ากูแม่นี้เมื่อยามเป็นกาเผือก อยู่ใกล้ฝั่งน้ำสมุทรสาคร แม่ก็มาแปลงรังนอนเหนือค่าไม้เดื่อ เมื่อนั้นจิ่งจักมีสูเจ้าทัง ๕ พระองค์คำ ยังมีในวัน ๑ ฝนตกรำ แม่ก็มาหากินเหยื่อ เพื่อว่ากลั้นอยากอาหาร ผลาญใจย้อนลูกเต้าขวบ เมื่อแม่แลพอกคืนมาหา ยังปุตตาลูกเต้า น้ำคลื่นเคล้าคงคา เป็นฝนไหลดั่ง ปั่นเป็นฟองนองมา พัดสูเจ้าหายไป แม่ยินอาลัยรักลูก คึดบ่ถูกกินแหนงใจ สัง กูบ่ไปแสวงหากินเหยื่อ ก็บ่หล้างว่า จักพลัดลูกกำพร้าแม่เสียไหนนี้หนอ ย้อนว่ากูได้หนีเสียไกล แอ่วหากินเหยื่อ จิ่งจักบ่ได้เอื้อเพื่อลูกเต้าหายไป แม่ยินอาลัยเหลือมาก น้ำตาแม่หากพังลง ทรงตนอยู่บ่ได้ แม่ก็หากไห้ ก็หากบินหายังปุตตาทัง ๕ แม่ก็คว่ำหน้าแอ่วบินหา ยังปุตตาลูกทัง ๕ ทุกรูผาแลย่านน้ำ หวังสูเจ้าไหลไปค้างอยู่ถ้า แม่มาชูในเปิกตม แม่ก็ลงงม ก็บ่หันสูเจ้า ๕ พระองค์ไหนสักแห่ง แม่ก็บินแล่นขึ้นตามคงคาแม่น้ำ ลวดบ่หันไหนซ้ำ แม่ลวด คว่ำหน้าตายไป ก็จิ่งได้เมือเป็นมหาพรหม อยู่ชั้นฟ้าสุทธาวาส จิ่งขวาดรู้ใจสูเจ้า ผู้เป็นลูกเต้าทังมวล ชวนกันใคร่หันหน้าแม่ บัดนี้แม่จิ่งเนรมิตเป็นกาตัวดี อันมีปีกหางพวงขาวเผือก ลุกแต่ชั้นฟ้าลงมากรูณา ลูกเต้า เข้ามาสู่ร่มไม้นิโครธ ยามเดียวนี้แล ฯ
ตโต กาเล อิสึ ปญฺจโพธิสตฺโต ฯ ในกาลยามนั้น อันว่าเจ้าฤษีทัง ๕ อันรู้แจ้งแก่ใจ เขาก็มีใจชมชื่นยินดี หาที่สุดที่ซ้ำบ่ได้ ลวดกราบไหว้แม่ถวายสาร บอกอาการอันพลัดพรากจากกันไป หื้อแม่ได้รู้แจ้งชุประการ ยังเครื่องกรียา อันทุกข์อันยากใจหลายหลาก แม่เลี้ยงไว้อีบกลั้น อยากอาหาร หลายประการทุกเยื่อง เครื่องอันใดลูกได้ประสบ จวบพบกันวันนั้นแล ในกาลยามนั้น เขาเจ้าทัง ๕ พระองค์ จิ่งจากันว่า เราเกิดมาปางนี้ บ่ได้กระทำวัตรปฏิบัติรักษายังแม่แห่งเรา อันมีคุณเป็นอนัตตา อปริมาณา อันหาที่สุดบ่ได้ บัดนี้เราพี่น้อง ก็ควรขอเอายังปาทจักรเซิ่งแม่แก่นไธ้ ไว้เป็นที่ไหว้แลปูชาควรชะแล ฯ
ภาพประทีปตีนกา
[ประทีปตีนกา]
เขาเจ้าทัง ๕ ตน ก็จากันสิ้นแลต่างตนต่างวอนขอเอา ยังพระบาทอันเป็นรอยตีนแม่ หื้อได้แก่อันโถมนาคุณ หื้อเป็นบุญไปภายหน้า แห่งผู้ข้าลูกทังหลาย ขอโปรดปรายกรุณารักยิ่ง หื้อยังบาทยุคลเซิ่งลูกเต้า จิ่งขอเอานี้แล ฯ
ในกาลยามนั้น ฆติกามหาพรหม อันเป็นแม่เขาเจ้าแต่หลังมา จิ่งพิจารณาเล็งดูไปภายหน้า จักเป็นที่จิรัฐิติกาล มั่นแก่นกว่าเมินนาน หื้อเอาเป็นอุทาหรณ์นิทาน แห่งนักบวชแลสัพพะ
มนุสสคณา เป็นปรัมปรานิยาย ภายหน้าสืบสืบไปมั่นเที่ยงบ่หื้อขาด มหาพรหมจิ่งกล่าวเป็นโอวาทคำดีว่า สาธุ สาธุ สุขสวัสดีจุ่งจักมีแก่ลูกเต้าเจ้าทัง ๕ พระองค์คราญ แม่จักหื้อทานยังบาทจักรกับตามใจแห่งสูเจ้า หื้อได้อยู่เฝ้ารักษา ไปแต่กาลวันนี้ ยามนี้ไปเมือหน้า หื้อลูกกำพร้าได้เป็นบุญ โถมนาคุณแก่แม่ หื้อแล้วแต่เจตนาฆติกามหาพรหม จิ่งจักเอาฝ้ายเส้นมาฝั้นลิว กับกัน หื้อเป็นเกลียวแกนแล้ว จิ่งจักชักออกท่ามกลางข้างริมแห่ง ๒ ภาย เสมอดั่งตีนกาแล สุมกันมั่นเที่ยง ยื่นหื้อลูกแห่งตนทัง ๕ ตนพระองค์คำ จำนำหื้อเอาเป็นประทีสตีนกา ใส่ปรางมันเจาะใต้ เอาเป็นที่ไหว้แลปูชา ตราบสูเจ้าได้
ตรัสประยาสัพพัญญุตญาณไปหน้า ตีนแม่กำพร้าก็อย่าหื้อหายเสีย หื้อสืบสืบไป ในชุมพูโลกหล้า หื้อเป็นโชคลาภใหญ่ใต้ฟ้าคลองดี ความสวัสดีจุ่งมีแก่ผู้กระทำ มาแต่งแปลงหื้อเป็นประทีสตีนกา แม่แห่งสูเจ้า หื้อได้รีบนำเข้าสู่มหานิพพาน อย่าได้คลาดได้คลา หื้อได้สมดั่งคำปรารถนา มั่นเที่ยงแท้จริงแล ฯ
โภ เทวมนุสาทีปิ ปโชตา มหาปุญฺา อนาคโต ภวิสฺสนฺติ ฯ ดั่งนี้
ดูรานักปราชญ์เจ้าทังหลาย จุ่งจักจำเอาคำสัพพัญญูพระพุทธเจ้าอันนี้แก้ไขกล่าวไว้เป็นสักขีปฐมเค้าเหง้ายังประทีสตีนกา อันเป็นปรัมปราสืบสายมาติดต่อรอดเถิงเราทังหลายในกาลบัดนี้แล ฯ
สตฺถา สัพพัญญูพระพุทธเจ้ายามเมื่อนั่งอยู่เค้าไม้โพไทร จิ่งจักกล่าวเป็นปฐมนัยคาถามาว่า มูลปทีโป อิสิคโณ โพธิสตฺตา มหานุภาวา พฺรหฺมฆติกา มหาราชา อิธิ ปุญฺเตโช ฯ ดั่งนี้ว่า ดูรา
ตปุสสะ ภัลลิกะ ทัง ๒ พี่น้อง อันเกิดร่วมท้องแม่เดียวมา ตทา ในกาลยามนั้น อันว่าฤษีเจ้าทัง ๒ ตน
พี่น้อง ก็มีใจปีติโสมนัสชมชื่นยินดีบ่เสี้ยงบ่ซ้ำ ด้วยอันได้ไหว้ยังปาทะพระบาทรูปลายตีนกาเซิ่ง
ฆติกามหาพรหมอันเป็นแม่แต่ภวชาติยามเมื่อเป็น สตฺตกาโก คือว่ากาเผือกก็มีวันนั้นแล ส่วนว่า
ฆติกามหาพรหมก็หื้อยังโอวาทคำสอนแก่ลูกตนทัง ๕ ชุเยื่องชุประการบัวรมวร ก็เสด็จเมือสู่ที่อยู่แห่งตนในพรหมโลกอันเป็นทิพยวิมานปราสาทราชมณเฑียรแห่งตนก็มีวันนั้นแล ฯ
ในกาลนั้น อันว่าเจ้าทัง ๕ ตนพี่น้องก็มาเจียรจาเซิ่งกันไปมาว่า ฐานะที่นี้หากเป็นที่อันประเสริฐล้ำเลิศกว่าเสียที่ทังหลาย เราพี่น้องก็ได้มาประสบจวบพบกันแล้วแลได้มาประสุมชุมกัน ได้หันยังโปราณมาตาแม่แห่งเรา มาหื้อยังปาทะพระบาทไว้หื้อเป็นจิรัฐิติกาลมั่นแก่น เมื่อภายหน้าจิ่งว่าเป็นที่ฐานะอุตตมะอันประเสริฐกว่าในโลกทังมวล เราพี่น้องก็ควรเอาปฏิญาณแก่กันว่าไว้ภายหน้า เราพี่น้องเจ้าข้าอันอยู่ป่าไม้หนามหนา ไผหาไผก็หื้อมาหากันในที่นี้แลอย่าคลาด แม่นว่าเจ้าตนใดได้ทรงยังพยาธิโรคา หาผู้จักคุรุอุปัฏฐากบ่ได้ดั่งอั้น ก็จิ่งว่าหื้อบอกไว้สัญญาทัดที่ใต้ร่มไม้นิโครธต้นใหญ่ ควรใฝ่อ้างสุขใจ หากเป็นที่สนามท่ามกลางแห่งเราทังหลายมวล ชวนกันมารอดสมสู่ อันมีดอยแวดอยู่ ๙ สิบปลาย ๙ ลูก หากเป็นปริวาร เป็นสัณฐานที่นี้ หื้อเป็นตำนานไว้กับโลก ตราบใดแลเราพี่น้องได้เป็นพระเจ้าโปรดโลกาหื้อได้ฐปนาตั้งไว้ยังอัตถปริกขารอันวิเศษ คือว่าธาตุแลเกสาธาตุอันใดอัน ๑ หื้อเป็นเหตุที่สักขีหมายมั่นเที่ยงกดหมาย เขาเจ้าทังหลายก็มาจากันสิ้นพร้อมทุกผู้ถ้วนคู่เจ้าทัง ๕ พระองค์คราญ หื้อเป็นนิทานไว้แก่คนแลเทวดาในโลกโลกา เป็นที่มหาอุตตมฐานะอันวิเศษแลประเสริฐล้ำเลิศกว่าชุที่ชุแห่งทังมวลแท้แล ฯ
เขาเจ้าทังหลายก็มีคำสัจจะวาจากติกาว่าไว้แก่กันฉันนี้แล้ว ต่าตนก็ต่างไปสู่ที่อยู่แห่งตนในพระปัณณศาลา ปฏิบัติพรหมจริยกรรมบ่ขาด บ่ประมาทเสียเพียร เทียร(ย่อม)ปฏิบัติตามภาวนายังกสิณกรรมผลาญไปไจ้ ๆ เพื่อหื้อได้พ้นเสียยังกิเลสแลบาปธรรม จำนำใจแสวงหาลูกไม้แลหัวมันเป็นอาหารเที่ยงมั่นอยู่แห่งมั่นเมินนาน ปรารถนาเอายังประยาสัพพัญญุตญาณอันยิ่งโยด หื้อพลันได้โปรดโลกา แต่งแปลงยังใส้ประทีสตีนกา เจาะใต้นบน้อมไหว้เปลวไฟเมื่อใดแลเถิงมาวันเดือนดับเดือนเพ็งมารอดยอดเจ้าพระองค์คราญเทียวมาตามดั่งคำปฏิญาณปวารณาแก่กันไว้บ่หื้อขาด หื้อเป็นอาวาสไว้ที่กลางสนาม ถามกันด้วยถ้อยคำชุเยื่อง เครื่องนักบวชฤษี มีคำดีโอกาสสั่งสอนกันพร้อม กูจิ่งจัก
อว่ายหน้า สู่หาที่อยู่คืนมาเป็นนิรันตระต่อรอดต่อเท้า อายุสังขารมาจอด นำขึ้นสู่ชั้นฟ้ายอดตุสิดา พร้อมถ้วนปัญจอิสิคณาทัง ๕ สาวหนุ่มเหน้าหากเป็นปริวาร เมินนาน ๕ พันปีทิพย์เป็นขนาด จิ่งค่อยคลาดลงมาเกิดในมนุษยโลกเมืองคน ทวนเทียวในโอฆะวัฏฏะสงสารภวะทัง ๓ ฯ
[๑ กกุสันธะ]
ส่วนพี่อ้ายเค้าหัวทีมีบุญสมภาร อันได้กตาธิการ แต่ภายหลังมาแก่กา ก็ได้มาเป็นสัมมาสัมพุทโธ เป็นพระเจ้า ก่อนท่านทังมวล จิ่งจักได้ชื่อว่า กกุสันธะตนล้ำเลิศ กดหมายเอายังชื่อแห่งแม่เลี้ยงไก่นั้นมาเรียกชื่อว่ากกุสันธะ เป็นพระเจ้าปราบโลกาเอายังนิมิตแม่ไก่นั้นมาปรากฏใส่ชื่อหื้อเป็นสักขี
นามกรแต่เค้าก่อนทังมวล เหตุแท่เลี้ยงมีคำปฏิญาณวาจาไว้มั่น ชื่ออันนั้นจิ่งมีบ่หื้อหาย คนทังหลายจิ่งกล่าวว่ากกุสันธะตนยิ่งโยดลงมาโปรดเอายังสัตวโลกหื้อได้เข้าสู่เวียงแก้วยอดเนรัพพาน ฯ
ส่วนฆติกามหาพรหมตนเป็นแม่กาเผือกนั้น ก็เอายังเครื่องอัตถปริกขารมาหื้อเป็นทานแก่ลูกเต้าเมื่อเป็นพระเจ้ายอดสัตถา เจ้าก็หันด้วยตาทิพย์ส่องแจ้ง ปองรู้ด้วยบุพเพนิวาสญาณแล
อาสวักขญาณ หันแต่อเนกชาติภายหลังแต่เมื่อเป็นฤษีพี่น้องทัง ๕ ตนได้ว่าไว้ คำกติกาแก่กันเป็นอันมั่นอันเที่ยง เจ้าจิ่งตั้งไว้ยังสุวัณณทัณฑะไม้เท้าคำ อันจื่อตรา งามยิ่ง หื้อเป็นมิ่งแก่คนแลเทวดา เป็นที่ไหว้แลสักการะปูชาวิเศษ ทัดที่ร่มไม้นิโครธ ฯ
[๒ โกนาคมนะ]
ลุนแต่นั้น ลำดับลงมารอดจอดเถิงเมื่อพระเจ้าตนถ้วน ๒ ลงมาเกิด ตนประเสริฐกว่าโลกโลกา เอานิมิตนามกรแห่งแม่เลี้ยงตนแต่ก่อน มีคำปฏิญาณบ่ผ่อนหายเสียคำแม่ปางก่อน จิ่งได้ชื่อว่า
โกนาคมนะ ตนปราบโลกา นำเอายังสัพพะสัตวโลก ข้ามพ้นจากโอฆวัฏฏะสงสาร หื้อได้เถิง
มหาเนรัพพานที่แล้ว เจ้าจิ่งคึดรอดภายหลัง แต่เมื่อเป็นฤษีพี่น้องทัง ๕ ได้ไว้คำสัจจะวาจา เจ้าจิ่ง
ฐปนาตั้งไว้ ยังธมกรกแห่งหั้น หื้อมั่นแก่นที่คลา ทัดที่ฐานะร่มไม้ลุงคำ หื้อเป็นที่จำนำจื่อไว้ เป็นที่
นบน้อมไหว้แก่คนแลเทวดา ฯ
[๓ กัสสปะ]
ถัดแต่นั้นมา ตนถ้วน ๓ ลงมาปรากฏส่องแจ้ง ในโลกโลกา ชื่อสัตถาปราบแพ้จนมาร เจ้าก็หากรู้ด้วยทิพยจักขุญาณ ส่องรู้ภายหลังปางก่อน บ่หื้อผ่อนหายเสีย ยังคำปฏิญาณแม่เลี้ยง บ่หื้อกลับหาย จิ่งจักกดหมายตามนามกรแม่เลี้ยงเต่านั้น จิ่งร้องเรียกชื่อว่า กัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า นำเอาเวไนยสัตวโลกเข้าสู่เนรัพพาน ส่วนว่าคำปฏิญาณว่าไว้ ก็บ่ผ่อนหายเสีย แต่เมื่อปางเป็นฤษี ทัง ๕ พระองค์พี่น้อง เจ้าจิ่งฐปนาตั้งไว้ ยังผ้าจีวรเหลืองใสงามบ่เศร้า ทัดที่พี่น้องเข้าเจ้า มาชอมกัน วันนั้นแล ฯ
[๔ โคตมะ]
จตุตฺถ เย รานํ อิสิคโณ โพธิสตฺโต กาเล ฯ ในกาลยามนั้น ส่วนเจ้าฤษีตนถ้วน ๕ นั้น ในกาลปางเมื่อก่อน บ่หยุดหย่อนเสียยังคลองธรรมบุญ จำนำเอาตนเทียวว่ายแห่งสังขารา กระทำบุญ
กรียาเต็มแล้ว จิ่งจักได้มาเป็นเจ้าสิทธัตถราชา อายุ ๒๙ ปีบัวรมวร ออกบวชมีใจมักใคร่โปรดเวไนย
สัตตา ยามนั้น ฆติกามหาพรหมตนเป็นแม่ เอายังเครื่องอัตถปริกขาร แต่ชั้นฟ้าลงมา สุบสอดนุ่งกับ
กายาลูกเต้า จิ่งจักได้เป็นพระเจ้าตนชื่อว่าโคตมะ ตนกูเล็งดูด้วยทิพยจักขุญาณ หันใกล้ส่องแจ้งโสด
บ่หื้อชื่อแม่เลี้ยงกลับหาย จิ่งกดหมายว่าโคตมะ ตามแม่ช่างซัก อันรักมั่นแห่งกูตถาคต ในกาลบัดนี้
แล ฯ
ภาพพระพุทธรูปในวิหารวัดธงสัจจะ ลำพูน
ภาพเจดีย์สุเล ย่างกุ้ง
[สิงคุตตระ]
ตปุสสะ ภัลลิกะพี่น้อง มาสู่ห้องประเทศท่องทางดี กูจิ่งจักมีเกสาปันหื้อ เทวดาจักชี้กดหมายบอกที่ อันพี่น้องร่มท้องแม่เดียวกัน แลได้มาประสุมชุมนุมกัน สูท่านหากจักหันพระธาตุถ้วน ๓ สิ่ง เป็นแก้วมิ่งกับเมือง จักรุ่งเรืองในศาสนา กูพระตถาคตบ่เศร้า เป็นที่นักปราชญ์สัปปุริสเจ้า เขาหากปูชา คนแลเทวดาพร่ำพร้อม จักมานบน้อมไหว้ ตราบต่อเท้า ๕,๐๐๐ วัสสา ปรากฏชื่อว่า สิงคุตตระย่างกุ้ง เป็นที่ท่านทังหลายมักหุม ด้วยคลองดี คันว่าปุคละผู้ใด แลมีปสาทะสัทธา แลได้มานบน้อมไหว้ หวังใฝ่ใคร่ได้นิพพาน ก็จักสมดั่งคำปรารถนา เจตนาญาณบ่คลาดบ่คลาชะแล ฯ
[๕ เมตเตยยะ]
ดูราตปุสสะ ภัลลิกะพี่น้อง ในเมื่อศาสนากูแลตั้งไว้ ๕,๐๐๐ วัสสาเป็นตรามั่นเที่ยง แลเสี้ยงพ้นเไป ในอนาคตกาล อันจักมาภายหน้า ยังมีผู้น้องหล้าน้องซ้อยตนเดียว ยังเทียวสงสารบ่มั่นเที่ยง เสี้ยงชาติ ๑ แล้ว ยังชาติ ๑ ตามมา ยังมีแถม ๕ ชาตินับไคว่ เจ้าจิ่งจักได้ลงมา เกิดในเมือง
เกตุมติ ราชธานีแผ่นกว้าง เป็นที่อยู่สร้างแห่งน้องหล้า เจ้าตนลุน อันจักมาเป็นขุน ในที่เมืองกว้าง ไว้ท่านแต่งสร้าง ทางบุญหลายมาก ใจเจ้าก็หน่ายจากกิเลสบาปธรรม มากระทำทุกขรจริยา เจ็ดวัน
บ่ขาด ขุนมหาพรหมตนชื่อฆติกา จิ่งเอาผ้าแลบาตรมาทาน ด้วยคำปฏิญาณรักลูกเต้า ใจบ่เศร้าเทียมทัน ลำดับถัดกันมาเถิงลูกหล้า ได้มาเป็นพระเจ้า ปราบโลกทัง ๓ ได้ขับตามชื่อแม่เลี้ยงงูนั้น บอกไว้ได้ชื่อว่า พระหน่อไธ้อริยเมตเตยยะ เจ้าก็เล็งหัน ยังชาติหลังแต่ก่อน บ่หื้อผ่อนหายเสีย แต่ชาติล่วงล้ำเลิศ ยามเจ้าได้เกิดเป็นลูกกาเผือกพร้อมทัง ๕ ได้มาประสุมชุมนุมกัน ก็ได้เป็นพระมุนีธาตุอันวิเศษ หื้อไปฐปนาไว้ที่เขาเจ้าพี่น้องมาชุนุมกัน เทวดาเปลี่ยนกันเฝ้า แหนแห่บ่หื้อขาด แต่งแปลงเป็นเจติยธาตุ สูงถ้วนทุกสัพพะคณนา เป็นที่สักการะปูชาแก่คนแลเทวดานบน้อมไหว้ ฯ
[อานิสงส์]
ปุคละผู้ใดใฝ่ใคร่ได้ยังมรรคผล แม่นว่า ปูชาไปไกลดั่งฤๅนักโสด แสนโยชน์คราวไกลก็ดี ก็เท่าหื้อมีใจเถิงแลคึดเทิงรอด แม่นว่าตัวไปบ่รอด ก็อย่าหื้อมีใจไกล อันตัวอยู่ที่ไกล ก็หื้อนบน้อมไหว้ เสมอไปรอกใกล้แลเหมือนกัน บ่อั้นแลได้เล็งหัน ยังนิยายชาฏกะ ธรรมอันกูพระตถาคต หากเทศนากล่าวไว้ เอาเป็นที่ไหว้แลสักการะปูชา ก็หากจักมีผลอานิสงส์อันกว้างแล แม่นว่าปุคละผู้ใด แลเจตนามี ได้สร้างได้เขียน แม่นตนบ่ช่าง ได้จ้างท่าน แลมีวัตถุไปปูชา เอาตามสัทธา ก็มีผลอานิสงส์ อันกว้างขวางมากนัก หาที่เสี้ยงที่ซ้ำบ่ได้ ก็จักสมริทธิ เป็นดีมีสุข ในภวะนี้แลภวะภายหน้า ได้ดั่งคำปรารถนาใฝ่อ้าง บ่คลาดบ่คลา แม่นได้เทศนา หื้อผู้น้อยผู้ใหญ่ ได้สดับรับฟัง ยังรสธรรมเทศนา แห่งกูพระตถาคต
ดวงชื่อว่ากาเผือก อันกูพระหากเทศนา แก่ตปุสสะ ภัลลิกะพี่น้อง เทศนาในแห่งห้อง เค้าไม้นิโครธ
ก็หากจักสมดั่งคำปรารถนา แห่งสูท่านทังหลายมวล ก็หากจักมีผลอานิสงส์ อันใหญ่กว้าง ตามคำ
ใฝ่อ้างทังมวล เสมอดั่งได้หัน แลได้ไหว้พระเจ้า ๕ พระองค์พร่ำพร้อม ได้ไปไหว้นบน้อมแทบบาทา ปุคละผู้มีสัทธาบ่น้อย หื้อคอยถี่ถ้อยฟังเอา ยังธรรมเทศนากาเผือก เป็นเค้าเหง้าแห่งสัพพัญญูทัง ๕ พระองค์คำ บุญกรรมก็หากจักนำตนตัวญิงชาย เข้าสู่ห้องอันชื่อว่า เวียงแก้วยอดอมตะ
มหาเนรัพพาน แก่สูท่านทังหลายมวล ชุผู้ญิงชายบ่อย่าชะแล ฯ
เทสนา วสฺสาเน โสตาปฏิผลทีนิ ปาปุนึสุ ฯ ในเมื่อแล้วแห่งธรรมเทศนาชาดกอันนี้ คนแลเทวดาทังหลายอันเป็นปริวารแห่งตปุสสะ ภัลลิกะพี่น้องก็ได้เถิงโสตาปัตติผลชุคนก็มีวันนั้นแล ๚๛
กล่าวยัง เสตปญฺจ อิสิคณนา ปุตฺตํ ฯ กรียาอันสังวัณณนาแก้ใขยังมูลสักขีประทีสตีนกา
จาด้วยกดหมาย ชื่อแห่งสัพพัญญูพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ก็ปริปุณณะ บัวรมวร กาลควรเท่านี้ก่อน
แล ฯ
นิพฺพานปจฺจโย โหนฺตุ โน นิจฺจํ ธุวํ ฯ
[บันทึกท้ายหน้าลาน]
สักราชได้ ๑๒๑๐ ตัว ปีเปิกสัน เดือน ๑๑ ออก ๑๑ ค่ำ พร่ำว่าได้วัน ๕ ไทยก่าเหม้า ยามแตร เสด็จแล้วบัวรมวรแล ฯ
ปฐมมูลสัทธาหมายมีท้าวบังเงินเป็นเค้า แลภริยาผู้ชื่อว่านางบัวจิน ลูกผู้เอ้ย ชื่อว่านางแพง ลูกผู้ชายชื่อว่านายบุรเพง แลปุตตาปุตตี ลูกเต้าหลานตน ก็มีบุพพภาคเจตนาอันยิ่ง ก็จิ่งขงขวาย
ริรังสร้างเขียนยังธรรมอันชื่อว่ากาเผือกอันนี้ไว้ค้ำชูพุทธศาสนาทายาทไปตราบ ๕ พันพระวัสสา ขอจุ่งหื้อเป็นปกตุอุปนิสัยประไจ ค้ำชูผู้ข้าทังหลายหื้อได้เถิงสุข ๓ ประการ มีนิพพานเจ้าเป็นยอดแด ๚๛
บรรณานุกรม
เอกสารใบลาน
กาเผือก ฉบับเมืองหมอกใหม่ จ.ศ. ๑๒๐๑. วัดธงสัจจะ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน.เส้นจาร อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยวน จำนวน ๑ ผูก ๒๕ หน้าลาน หน้าลานละ ๖ บรรทัด. สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
หนังสือ
พระอุดรคณาธิการ (ชวินทร์ สระคำ) และจำลอง สารพัดนึก, รวบรวมและเรียบเรียง. พจนานุกรมบาลี-ไทย ฉบับนักศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ: ประยูรวงศ์พริ้นติ้ง, ๒๕๓๘.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖.
อุดม รุ่งเรืองศรี. พจนานุกรมล้านนา-ไทยฉบับแม่ฟ้าหลวง (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๑). เชียงใหม่:
มิ่งเมือง, ๒๕๔๗.
วิทยานิพนธ์
กนกอร สว่างศรี. รัฐฉานกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมภายใต้การปกครองของอังกฤษ ค.ศ. ๑๘๘๖-๑๙๔๘. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๒.
South Shsan State: Myanmar Information Management Unit 2017. (เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒)