๏ ขณะนั้นหมู่เด็กเลี้ยงโคอยู่ณทุ่งนา ๔๗ คน เลี้ยงโคตำบลมีปลวกอันใหญ่สูงศอกเศษ ตั้งตัวเปนคนหนึ่งขึ้นว่าราชการบนจอมปลวกนั้นหมู่เด็กทั้งปวงหมอบราบอยู่เปน นิจ จึงตั้งเปนขุนอินทรเทพ ขุนพิเรนทรเทพ เปนที่ขุนนางผู้ใหญ่ ว่าราชการบนปราสาทปลวก โกรธข้าราชการสั่งให้เพ็ชฌฆาฏเอาไปฆ่าเสียด้วยไม้ขี้ตอก ไปตัดศีศะ ๆ นั้นก็ขาด เรียกว่าบ้านหัวปลวกแต่นั้นมา ครั้งนั้นพราหมณ์ประโรหิตโหราสโมสร เสี่ยงเครื่องกกุธภัณฑ์กับเรือเอกไชยสุพรรณหงษ์ไปตามชลมารค ไปถึงบ้านเด็กเล่น เรือสุพรรณหงษ์ก็หยุดอยู่ พลพายเรือมิได้ไป พราหมณ์เป่าสังข์แตรงอนแตรฝรั่งขึ้นพร้อมกัน รับเอานายหมู่เด็กมาครองราชสมบัติ จึงเรียกว่าบ้านเด็กเล่นแต่นั้นมาจึงเชิญขึ้นเสวยราชสมบัติ ให้เอาพวกเด็กเล็กเพื่อนกันลงมาตั้งให้เปนข้าราชการ อยู่มาวันหนึ่งลงไปสรงน้ำ เห็นลูกมอญมาขายผ้าพ่อลูกได้เบญจลักษณ จึงให้มหาดเล็กไปตามดูให้รู้ว่านางจะอยู่ที่ไหน มหาด เล็กก็ไปดูเห็นที่อยู่แล้ว ก็กลับมาทูลประพฤดิเหตุทุกประการ อยู่มากาลวันหนึ่งนางนั้นมีรดูโลหิตติดผ้า เอาผ้าไปตากผึ้งจับเห็นเปนอัศจรรย์ คนก็เห็นมาก ครั้นถึงวันศุกรขึ้น ๑๑ ค่ำเวลาเช้า จึงแต่งเรือลงไปรับกับคานหามถึงแล้ว ชาวบ้านตกใจเปนอันมาก ก็รับนางขึ้นคานหามมาพระราชวัง แต่นั้นมาจึงเรียกว่าบ้านคานหามมาจนบัดนี้ ครั้นถึงพระราชวังจึงรับนางขึ้นราชาภิเศกเปนเอกอรรคมเหษีไพร่บ้านพลเมือง อยู่เย็นเปนศุขทั่วไป
๏ ขณะนั้นพระเจ้ากรุงจีนได้บุตรบุญธรรมในจั่นหมากเอามาเลี้ยงไว้ให้นามชื่อว่า นางสร้อยดอกหมาก ครั้นวัฒนาการเจริญขึ้น จึงให้หาโหรมาให้ทำนายว่า ลูกกูคนนี้จะควรคู่ด้วยกระษัตริย์เมืองใด โหรพิเคราะห์ดูหาเห็นว่าจะอยู่แห่งใดไม่ เห็นอยู่แต่ทิศตวันตกกรุงไทย มีบุญญาภิสังขารมากนัก เห็นจะควรกับพระราชธิดา จึงกราบทูลว่าจะได้กับพระเจ้ากรุงไทยเปนแน่ พระเจ้ากรุงจีนให้แต่งพระราชสาสนเข้ามา ให้ขุนแก้วการเวทถือเข้ามา ขุนนางผู้ใหญ่นำเข้าเฝ้าถวายพระราชสาสน จึงสั่งให้เบิกทูตานุทูตเข้าไปเฝ้า ในพระราชสาสนนั้นว่า พระเจ้ากรุงจีนให้มาเปนทางพระราชไมตรีถึงพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ด้วยเราจะยกพระราชธิดาให้เปนพระอรรคมเหษี ให้เสด็จออกมารับโดยเร็ว ครั้นได้แจ้งในพระราชสาสนดังนั้นก็ดีพระไทย จึงตรัสว่าเดือน ๑๒ จะยกออกไป ให้ตอบแทนเข้าของไปเปนอันมาก ทูตทูลลากลับไป จึงสั่งให้จัดเรือเอกไชยเปนกระบวนพยุห
๏ จุลศักราช ๓๙๕ ปีมเมียเบญจศก ครั้นณวันเดือน ๑๒ แรม ๑๑ ค่ำ ได้ศุภวารฤกษ์ดี จึงยกพยุหไปทางชลมารคพร้อมด้วยเสนา บดี เสด็จมาถึงแหลมวัดปากคลองพอน้ำขึ้น จึงประทับพระที่นั่งอยู่น่าวัด จึงทอดพระเนตรเห็นผึ้งจับอยู่ที่อกไก่ใต้ช่อฟ้าน่าบัน จึงทรงพระดำริห์ว่า จะขอนมัสการพระพุทธปฏิมากร เดชะบุญญาภิสังขารของเรา ๆ จะได้ครองไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎรด้วยกันเสร็จ ขอให้น้ำผึ้งย้อยหยดลงมา กลั้วเอาเรือรีบขึ้นไปประทับแทบกำแพงแก้วนั้นเถิด พอตกพระโอษฐลงดังนั้น น้ำผึ้งก็ย้อยลงมากลั้วเอาเรือพระที่นั่งรื้อขึ้นไปถึงที่ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเห็นประจักษ์แก่ตาแล้ว เสด็จนมัสการจึงเปลื้องเอาพระภูษาทรงสักการบูชาพระพุทธปฏิมากรนั้นเสร็จแล้ว เสด็จลงเรือพระที่นั่งก็ถอยลงมาตามเดิม พระสงฆ์สมภารลงมาถวายไชยมงคลว่า มหาบพิตรพระราชสมภารจะสำเร็จความปราถนา จะครองไพร่ฟ้าอยู่เย็นเปนศุขทั่วทิศ จึงถวายพระนามว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งครั้นน้ำหยุดจะลง พระองค์ก็สั่งให้ท้าวพระยาพฤฒามาตย์ทั้งหลายแลเสนามนตรีกลับขึ้นไปรักษาพระ นคร แต่พระองค์เสด็จไปทรงเรือพระที่นั่งเอกไชยลำเดียว ด้วยอำนาจพระราชกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางหลัง ก็เสด็จไปโดยสดวกจนถึงเขาไพ่ พอจีนทั้งหลายเที่ยวอยู่ในท้อง ทเลนั้นเห็นเปนอัศจรรย์นัก จึงนำเอาเนื้อความกราบทูลพระเจ้ากรุงจีน ๆ ก็สดุ้งตกใจนัก จึงสั่งให้เสนาผู้ใหญ่ไปดูว่าจะมีบุญจริงฤๅ ๆ ประการใด ให้ประทับสองแห่ง ที่อ่าวนาคคืนหนึ่ง ครั้นเพลาค่ำจีนใช้คนสอดแนมดูว่าจะเปนประการใด ครั้นไปฟังดูได้ยินเสียงดุริยางคดนตรีคฤกครื้นไป จึงเอาเนื้อความดังนั้นกราบทูล จึงสั่งให้เชิญมาอยู่อ่าวเสือคืนหนึ่งจึงแต่งการรับ ครั้นเพลาราตรีกาล เทพยดาบันดาลดุริยางคดนตรี ครั้นรุ่งขึ้นจึงพระเจ้ากรุงจีนแต่งการกระบวนแห่รับพระเจ้าสายน้ำผึ้งเข้ามา พระราชวัง จีนทั่วประเทศสรรเสริญบุญทั่วไป พระเจ้ากรุงจีนให้ราชาภิเศกนางสร้อยดอกหมาก เปนพระอรรค มเหษีพระเจ้าสายน้ำผึ้ง พระเจ้ากรุงจีนแต่งสำเภา ๕ ลำ กับเครื่องอุปโภคบริโภคเปนอันมาก ให้จีนมีชื่อ ๕๐๐ คนเข้ามาด้วย จึงพระ เจ้ากรุงจีนให้เชิญพระเจ้าสายน้ำผึ้งไปเฝ้า ตรัสว่าบ้านเมืองหามีผู้ใดรักษาไม่แลเกลือกจะมีศึกมาย่ำยีให้พากันกลับไปพระ นครเถิด พระเจ้าสายน้ำผึ้งก็ถวายบังคมลาพานางลงสำเภา สิบห้าวันมาถึงแดนพระนครขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยกับพระราชาคณะ ราษฏร เทพนิกร ก็โสมนัศยินดีทั่วไปจึงแต่งการรับเสด็จ พระราชาคณะถานานุกรม ๑๕๐ ไปรับที่เกาะจึงเรียกเกาะพระแต่นั้นมา แล้วก็เชิญเสด็จมาท้ายเมืองที่ปากน้ำแม่เบี้ย แลเสนาบดีราชาคณะจึงเชิญเสด็จเข้าพระราชวัง สั่งให้จัดที่ตำหนักซ้ายขวาสำเร็จแล้ว จึงให้เถ้าแก่กับเรือพระนั่งลงมารับนาง ๆ จึงตอบว่า มาด้วยพระองค์โดยยาก มาถึงพระราชวังแล้วเปนไฉนจึงไม่มารับ ถ้าพระองค์ไม่ลงมารับแล้วไม่ไป เถ้าแก่เอาเนื้อความกราบทูลทุกประการ พระองค์แจ้งดังนั้นก็ว่าเปนหยอกเล่น มาถึงนี่แล้วจะอยู่ที่นั่นก็ตามเถิด นางรู้ความดังนั้นสำคัญว่าจริงยิ่งเศร้าพระไทยนัก ครั้นรุ่งเช้าแต่งกระบวนแห่มารับ จึงเสด็จพระราชดำเนินมาด้วย ครั้นถึงเสด็จไปบนสำเภารับนาง ๆ ตัดพ้อว่าไม่ไป พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงสัพยอกว่าไม่ไปแล้วก็อยู่นี่ พอตกพระโอษฐลงนางก็กลั้นใจตาย พวกจีนไทยร่ำรักแซ่ไป จุลศักราช ๔๐๖ ปีมโรงฉศก จึงเชิญศพมาพระราชทานพระเพลิงที่แหลมบางกะจะสถาปนาเปนพระอารามให้นามชื่อวัด พระเจ้าพระนางเชิงแต่นั้นมา
๏ พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงยกพลลงไปขุดบางเตยจะสร้างเมืองใหม่ พระ อาจารย์ห้ามว่าน้ำเค็มนัก ยังไม่ถึงพุทธทำนายสร้างไม่ได้ จึงสร้างวัดน่าพระธาตุถวายพระอาจารย์ แล้วมาสร้างวัดมงคลบพิตร พระเจ้าสายน้ำผึ้งอยู่ราชสมบัติได้ ๔๒ ปี สวรรคต จุลศักราช ๔๒๗ ปีมเสงสัปตศก
๏ พระยาธรรมิกราชาพระราชบุตรพระเจ้าสายน้ำผึ้งได้เสวยราชสมบัติมีช้างเผือกสอง ช้าง สร้างวัดมุขราช ประชาราษฎรสมณะชีพราหมณ์เกษมศุขทุกชายหญิง เล่นเต้นรำ มิได้มีวิวาทลักฉกกัน ทรงทศพิธ ราชธรรมบำรุงพระพุทธสาสนา ประเทศราชเกรงพระเดชานุภาพยิ่งนักแต่ดอกไม้ทองเงินขึ้นเปนอันมาก ขนอนอากรบ่อนเบี้ยช่วงเรือลำละ ๑๐ เบี้ย ๔๐ เบี้ย มิให้เรียกแก่ราษฎรล้ำเหลือ ฝนตกตามรดู น้ำงามตามรดู เสวยราชย์ ๔๒ ปี จุลศักราช ๔๕๘ ปีมเมียอัฐศกให้ขุดคลองบางตะเคียนออกไปบางยิหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น