วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562
พงศาวดารเหนือ เรื่อง ขุนสิงหฬสาคร
๏ ศักราชถ้วน ๑๐๐๐ พระร่วงเจ้าลบทีหนึ่ง แลพระยาธรรมิกราชจะได้ลบ แลโหราพฤฒาจารย์มิได้เอาทูลบอกกล่าว ก็ล่วงพ้นมาแล้วแล อันนี้ท่านพระเจ้าโคตมมหาราชแต่เมื่อยังเปนพรรณิพก ยังมิได้เปนพระยาแกรก แลพระโคตมมหาราชยังอยู่เมืองอินทปัตนคร แลพระองค์ตรัสแก่ขุนสิงหฬสาคร ให้เอาสินค้าของหลวงออกไปขาย ขุนสิงหฬสาครรับพระราชโองการแล้วก็ทูลลา จึงนำพานิชพ่อค้าทั้ง ๕๐๐ ลงสำเภาลำหนึ่ง แลสิ่งของเปนอันมาก ครั้นได้ฤกษ์ดีจึงใช้สำเภาออกไปจากเมืองอินทปัตนคร หวังว่าจะไปบริเฉทประ ภังยิหน แลไปช้านานได้เจ็ดเดือนก็หลงเข้าอับอยู่ เพราะว่าหาลมมิได้ มิรู้ที่จะไปมาได้ช้านาน ๑๕ วัน อนึ่งเปนอกุศลแก่ชาวพ่อค้าทั้งหลาย แลลมอันบังเกิดขึ้นมา มิใช่ลมจะโคสลาตันหามิได้ แลเปนพยุพัดสายสมอขาด แลพยุพาเอาสำเภาไปจากทเลแล่นตัดออกจากปากอ่าว แล้วก็ไปถึงมหาสมุทอันใหญ่ ครั้นสำเภาลำใดไปถึงที่นั้น บห่อนจะกลับคืนมาได้ แลแต่ไปช้านานได้เจ็ดเดือน จึงเห็นเมืองกุเวรนครเปนเมืองพระกาลเจ้า ปราสาทแลกำแพงก็แล้วไปด้วยเงินทองคนทั้งหลายแลเห็นก็ยินดีนักหนาว่าทีนี้เรา มาพบเมืองแล้ว เรามิกลัวตายเลย จึงจอดสำเภาเข้าแล้ว ต่างคนต่างขึ้นไปซื้อขายกินกลางตลาดนั้น ก็ลงมาสำเภาแห่งตน แลข้าขุนสิงหฬนครได้เห็นแม่นางคนหนึ่ง เหมือนเจ้าผู้หญิงตน แลมันก็มาบอกแก่ขุนสิงหฬสาครนั้นว่าได้เห็นแม่นางคนหนึ่งเหมือนนายผู้หญิง ขุนสิงหฬสาครได้ยินก็ยินดีจึงขึ้นไปแลดูก็เห็นเมียตน ไม่รู้ว่าตายหามิได้ ครั้นเห็นแม่นาง ๆ เห็นผัวตนก็ยินดี แล้วก็ร้องไห้ร่ำไรไปมาต่อกันแล้ว แม่นางจึงบอกแก่ผัวตนว่า ท่านหลงมาเข้าเมืองพระกาลเจ้าแล้ว ยังอิกเจ็ดวันน่าที่พ่อค้าทั้งหลายแลตัวท่านก็จะตายด้วยกันสิ้น ข้าจะบอกให้รู้เอาตัวรอดเถิด แลข้าจะเล่าเนื้อความให้ท่านฟัง แลท่านค้าของหลวง แลท่านมาจากข้านั้น ท้องข้ายังอ่อนอยู่ ท่านมาช้านาน ท้องข้าแก่ขึ้นได้แปดเดือนจะคลอดลูก แลพระกาลเจ้าให้อำมาตย์ไปผูกรันฟัด แลผูกฅอข้ามาจากที่นั้นข้าก็ตาย ก็ได้มาเกิดเปนผีกินอยู่เมืองนี้ แลข้าจะบอกให้ท่านรู้ แลเงินข้าใส่หีบไว้ ๒๐ ชั่ง แลทองชั่ง ๑ แลข้าผู้ชาย ๙ คน ข้าผู้หญิง ๑๐ คน ทั้งของท่านของข้ารวมด้วยกัน แลทรัพย์ทั้งนั้นเมื่อจะขาดใจข้าให้น้องสาวท่านเอาไว้ ถ้าแลท่านไปถึงบ้านท่านถามน้องสาวท่านเอาเถิด แลท่านทำบุญหลั่งน้ำมาถึงข้าด้วยเถิด แลข้าจะบอกท่านให้ทำเข้าตากเข้าตูใส่ถุงใส่ไถ้ให้จงมาก แล้วพันเข้ากับตัว แลขึ้นไปปลายเสากระโรงคอยแลดู ถ้าแลปลายเสากระโดงฟัดไปถึงต้นหมากเดื่อ อันโอนมาริมมหาสมุททเล แลท่านจับกิ่งหมากเดื่อจงมั่นแล้ว จึงไต่ตามกิ่งหมากเดื่อเข้าไปต้นเถิด ท่านจึงจะรอดตัว แลท่านเร่งไปเถิด พระกาลท่านร้ายนัก ครั้นเห็นท่านผู้ใดผู้นั้นก็จะตายทันใจ ถ้าผู้ใดทำสักการบูชาพระกาลเจ้าดีใจนักหนา ท่านเอยพระกาลพระกุลีเจ้าย่อมร้ายนักฟัดตีเอาให้ได้ ถ้าผู้ใดทำรูปพระกาลพระกุลี ให้ไหว้นบนอบทำสักการบูชาจึงจะพ้นความตาย แลคนทั้งหลายมิทันเถ้าทันแก่ฟัดเอาไว้เปนข้า ข้าท้าวบ่าวพระยาก็ดี เข็ญใจก็ดี เปนสัตวเดียรฉานก็ดี ย่อมสูบเอาหัวใจแลเลือดทั้งหลายกินเปนอาหาร แลทั้งตัวก็เอามาไว้เปนบ่าวเปนข้าตามวิบากแล้ว เว้นไว้แต่บุญผู้นั้นมาก จึงจะเอามิได้ด้วยบุญผู้นั้นแล ข้าสั่งท่านเท่านี้ท่านจงไปเถิด แลขุนสิงหฬสาครก็ลงมาสู่สำเภาแห่งตน มิให้ผู้ใดรู้สักคน แลจึงทำเข้าตูเข้าตากใส่ไถ้เปนอันมากแล้วก็พันเข้ากับตัวแล้ว ก็ขึ้นใบต้นหนด้วยตนเอง จึงให้พานิชชักสมอขึ้นแล้ว ก็ให้บ่ายหัวสำเภาไปตามริมมหาสมุทตามคำเมียสั่ง แลลมต้องใบก็พาเอาสำเภานั้นไปเปนอันเร็ว แลปลายเสากะโดงระกิ่งหมากเดื่อเข้าแล้ว ตนก็ฉวยจับเอากิ่งหมากเดื่อนั้นได้ก็โหนขึ้นอยู่ที่นั้น แลสำเภานั้นแล่นไปได้ ๗ วัน ก็ตกลงท้องมหา สมุทอันใหญ่สู่มหาอวิจี แลพานิชทั้งหลายก็ตายฉิบหายสิ้น คือตกนรกทั้งเปน แลขุนสิงหฬสาครก็ค่อยไต่ตามกิ่งหมากเดื่อนั้นลงมา ๗ วัน จึงถึงค่าคบอันใหญ่แล้วจะลงมิได้เลย ด้วยค่าคบนั้นใหญ่ประมาณ ๑๐ วา กินแต่ลูกหมากเดื่อเปนอาหารอยู่ช้านาน แลเห็นเชือกเขาพันต้นหมากเดื่อขึ้นไป จึงไต่ตามเครือเขามาได้ ๗ วันจึงถึงโคนต้น จึงเห็นราชสีห์ยืนอยู่ในที่นั้น ก็ตกใจกลัวนักหนา จึงเอาลูกหมากเดื่อทิ้งแต่เช้าไปถึงตวันเที่ยง จึงรู้ว่าราชสีห์ตาย จึงลงมาผลักให้ล้มลงแล้ว เอาดาบเถือเอาหนังราชสีห์พันเข้าแล้วก็แบกไต่ตามแนวป่าขึ้นมา แลกินเข้าตากเข้าตูมาเปนช้านานได้ ๑๕ วัน จึงชาวด่านเขาได้ตัวก็พาเอาตัวมาถึงเมืองพระยา ๆ จึงให้ถาม แลขุนสิงหฬสาครจึงบอกแก่พระยาว่าพระเจ้าโคตมมหาราชเมืองอินทปัตนครให้ไปค้า สำเภา ๆ ก็อับปางเสียสำเภา เหลือมาแต่ข้าผู้เดียว จึงได้หนังราชสีห์มาแต่ป่าพระหิมพานต์ แลพระยาจึงให้เลี้ยงดูแล้ว จึงให้เถือเอาหนังราชสีห์ไว้หน่อยหนึ่ง แล้วจึงส่งให้ไปแก่พระยาเถือเอาหนังราชสีห์ไว้ทุก ๆ เมือง กว่าจะถึงเมืองอินทปัตนั้น ยังหนังราชสีห์นั้นเท่าพรมปูนั่งนั้นแล ครั้นถึงเมืองอินทปัตนคร ขุนสิงหฬสาครจึงเอาหนังราชสีห์เข้าไปถวายแก่พระเจ้าโคตมมหาราช ๆ จึงถาม หาเหตุ แลขุนสิงหฬสาครจึงกราบทูลอาการทั้งปวงแก่พระมหากระษัตริย์เจ้า ๆ เห็นความจริง จึงให้พระราชทานเงินทองแก่ขุนสิงหฬสาครเปนอันมาก แล้วขุนสิงหฬสาครก็ทูลลามาบ้านแห่งตนแล้วจึงถามข้าไทแลน้องสาวแห่งตนตามคำ เมียตนสั่งมา ข้าไทแลน้องสาวบอกเนื้อความดังนั้นให้พี่ตนฟัง ก็สมคำเมียตนที่ตายบอกมานั้นทุกประการแล ฯ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น